|
Post by Admin on Apr 18, 2019 15:34:31 GMT 7
ห้องรับแขกกลาง Alexander V. Vanderwal 1823 - 1896
ห้องรับแขกกลาง
โซฟาเบดบุหนังแสนหรูหรา มีเตาผิงใหญ่ที่คอยให้ความอบอุ่นแก่ทั้งห้อง
โรลเพลย์เพื่อใช้คำสั่ง [สำรวจเตาผิง] [สำรวจรูปภาพเหนือเตาผิง]
หนึ่งคำสั่งต่อหนึ่ง Reply เท่านั้น
|
|
karenxv
Karen
𝑲𝒂𝒓𝒆𝒏 𝑽𝒂𝒏𝒅𝒆𝒍𝒘𝒂𝒍 𝑳𝒐𝒑𝒆𝒛.
Posts: 58
|
Post by karenxv on Apr 24, 2019 0:03:20 GMT 7
จดหมายตอบรับในการเชิญเข้าคฤหาสน์อยู่ในมือเธอเป็นที่เรียบร้อย นัยน์ตาคมเฉี่ยวไล่อ่านจนครบทุกตัวอักษรก่อนจะพับมันเก็บเข้าเสื้อโค้ทตัวนอก กระเป๋าใบใหญ่ถูกเตรียมไว้แล้วก่อนหน้านี้ พื้นที่ในกระเป๋าอัดแน่นจนไม่สามารถยัดอะไรลงไปได้อีก คาเรนสั่งให้คนของเธอยกกระเป๋าขึ้นวางที่หลังรถ
“ขอบคุณ แล้วฉันจะกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ” บอกลาพ่อบ้านประจำตระกูลของเธอก่อนจะสอดตัวเข้าไปนั่งฝั่งคนขับ ออดี้คันหรูกระชากตัวออกด้วยมือของผู้เป็นนาย เธอเร่งความเร็วเพื่อให้ถึงคฤหาสน์หลังใหญ่เร็วขึ้น
‘เอี๊ยด!’
เสียงล้อบดถนนดังขึ้นเมื่อหมาป่าคันงามจอดเทียบประตูไม้สักบานใหญ่ของคฤหาสน์หลังโต
“นี่น่ะเหรอ” ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีแดงสดหยักยิ้มขึ้น “น่าสนไม่เลว”
|
|
|
Post by cain on Apr 24, 2019 0:54:16 GMT 7
ก๊อกๆ
“ขอโทษนะครับมีใครอยู่ไหม”
ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำเข้มพูดขึ้นหลังจากที่ตนเองยืนเคาะประตูไม้บานใหญ่อยู่นานเกือบจนเกินครึ่งชั่วโมงไปเสียแล้วด้วยซ้ำ เขามองนาฬิกาบนข้อมือตัวเองอีกครั้งด้วยสายตากังวลอยู่ไม่น้อย พร้อมกับเสียงเพลงแปลกๆ ที่ค่อยๆ ดังขึ้นอยู่เป็นระยะแต่กลับไม่พบสัญญาณตอบรับกลับเจ้าของบ้านแม้แต่นิด บรรยากาศบ้านที่ค่อนข้างไร้ผู้คนทำเอาเขาเริ่มอดกังวลขึ้นมาอีกไม่ได้ไหนจะต้นไม้หลายต้นใหญ่หน้าบ้านที่รกจนไม่เห็นอะไรเลยด้วยซ็ำ เขาเลยตัดสินใจที่จะมาใหม่ในวันหลังและหันหลังเดินออก
ตุ้บ!!
“...S***”
เสียงอุทา่นคำหยาบคายดังลั่น ไม่ทันที่จะได้ก้าวเท้าสักก้าวดูเหมือนสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่จับจ้องเขามาตั้งแต่แรกก็กระโดดลงมาจากต้นไม้สูงใหญ่ด้านบน เขาหันไปดูและพบเข้ากลับเด็กสาวนัตย์ตาสีเขียวซีดจ้องมองเขาอยู่อย่างราบเรียบจนน่ากลัว
“เอ่อ...”
เขาส่งเสียงออกมาเล็กน้อย เมื่อคนตรงหน้าทำเพียงยืนจ้องเขาอยู่นิ่งๆ มาครู่หนึ่งนัตย์ตาสีเข้มหรี่มองเขาก่อนที่จะจ้องไปยังซองกระดาษจดหมายในมือ จนในที่สุดเขาก็ยกมันขึ้นมาก่อนจะเอ่ยขึ้น
“มีจดหมายมาส่งครับ ไม่ทราบว่าเจ้าของบ้านอยู่ไหม”
เด็กสาวเอียงหัวเล็กน้อยก่อนจะจ้องมาตรงหน้าเขาราวกับฉงนใจที่ได้ยิน
“เอ่อ...”
“ฉันเอง” เสียงนิ่งๆ พึมพำขึ้นเบาๆ พร้อมกับยกมือขึ้นชูเสมออกราวกับรายงานตัวเช็คชื่อ
“ครับผม” ชายหนุ่มใช้มือข้างหนึ่งปาดเหงื่อตัวเองเล็กน้อยก่อนจะส่งมันให้เธอและตัวเขาเองรีบเดินหนีออกไป เด็กสาวหรี่ตามองตามไปจนสุดสายตาก่อนจะหันหลังและเดินอ้อมตัวบ้านเข้าประตูหลัง
ก็เธอไม่ได้อยู่ในบ้านตั้งแต่แรกนี่นา...แค่อยากเปิดเพลงเอาไว้ให้อาเธอร์เสียเงินเล่นเพราะคิดว่าเธออยู่ในบ้านเท่านั้นเอง
หลายชั่วโมงต่อมา
“คาอิน”
เสียงทุ้มนุ่มของชายวัยกลางคนส่งเสียงเรียกดังขึ้น เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อลูกสาวตัวแสบของเขาไร้เสียงตอบกลับ
“คาอิน ลูก”
เขาเดินขึ้นบันไดไปเคาะประตูเบาๆ พร้อมกับใช้หูแนบประตูที่ไม่มีวี่แววว่าจะมีคนอยู่ในห้อง
“คาอิน” เขาส่งเสียงเรียกอีกครั้งพร้อมทั้งหมุนลูกบิดเข้าไป
ภายในห้องกว้างที่ถูกประดับด้วยกองหนังสือ หรือเตียงนอนสีเข้ม หรือกระทั่งแผ่นผ้าใบที่ถูกวาดและเก็บทุกอย่างเข้าที่จนเรียบร้อยผิดปกติทำให้เขาตกใจอยู่ไม่น้อย ขาทั้งสองข้างของคุณหมอวัยกลางคนก้าวฉับๆ มายัง กระดาษสีขาวที่ถูกแปะไว้อยู่เต็มฝาผนังบนหัวเตียงและทุกอย่างล้วนถูกเขียนด้วยสีน้ำสีแดงจนเขาแทบจะปล่อยโฮออกมากลางห้อง เพราะมันเป็นเรื่องที่เป็นความผิดของเขาที่ไม่เคยได้บอกเด็กตัวน้อยคนนั้นว่าเธอไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปแล้่ว...
‘คาอินจะไปตามหาแม่’
เวลาหลายชั่วโมงผ่านไปเด็กสาวหน้าตาราบเรียบไร้อารมณ์ก็นั่งรถแท็กซี่จนมาถึงหน้าคฤหาสน์หรูที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา เธอกระชับเป้ขึ้นบ่าให้ถนัดมายิ่งขึ้นก่อนจะลงจากรถและโบกมือลาคุณลุงที่ใจดีมาส่งเธอโดยไม่คิดเงิน
หรืออันที่จริงคิดแต่เธอไม่รู้นะ… -_-
เธอเงยหน้าขึ้นมองตัวบ้านที่สูงเด่นเป็นสง่า จริงๆ แล้วเธอไม่ได้สนเงินสมบัติที่ดูเหมือนจะเท่าไหร่นะ
...เอ่อ...ยี่สิบดอลล่าร์? เอาเถอะถึงจะดูน้อยไปหน่อยแต่ก็แพงกว่าราคากางเกงในของอาเธอร์อยู่ดี แน่นอนว่าเธอไม่ได้สนใจอะไรในนี้ด้วยซ้ำเพราะสิ่งที่เธอต้องการเป็นสิ่งที่เงินไม่เคยซื้อมันได้...แจคกะลีน หรือแม่ที่เธอไม่เคยเห็นหน้าเลยสักครั้งตั้งแต่เกิดต่างหากที่เธออยากได้มันมากที่สุด
เธอกำเศษเหรียญดอลล่าร์ที่เหลือมาจากการเดินทางจากในกระเป๋าขึ้นมา อาเธอร์บอกเธอเสมอว่าอย่ารับของจากคนแปลกหน้าและในโลกนี้ไม่มีใครให้อะไรมาฟรีๆ เธอตัดสินใจแล้วว่าถ้าเจอคุณตาคนที่เขียนจดหมายให้เธอจะคืนเงินทีเหลือนี่ให้เขาแล้วบอกว่า ขอบคุณมากๆ ที่ให้เธอนั่งเครื่องบินไปกลับเล่นประมาณ 3 รอบ คาอินล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อที่มีกระดาษที่สีซีดไปจากตอนแรกอย่างเห็นได้ชัดออกมากลางดูแผนที่อีกรอบ ตอนแรกก็กะจะเอามันไปพับเป็นเรือโจรสลัดลอยน้ำแข่งกับโจเซฟเด็กสิบขวบข้างบ้านแล้วด้วยซ้ำแต่สายตากันเหลือบไปเห็นข้อความในจดหมายที่เขียนไว้ว่าคนที่สืบสายเลือด...แม่ของเธอคือหนึ่งในนั้น และเธอแน่ใจว่าแม่ของเธอเองก็คงได้รับจดหมายนี้เช่นเดียวกันแน่ๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนของโลก เธอกำจดหมายแน่นดวงตาที่เคยราบเรียบเปล่งประกายวาวโรจน์ราวกับนักเดินทางที่กำลังเดินทางสู่ดินแดนอันกว้างใหญ่ ก่อนจะทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด….
‘ปีนรั้ว!!’
|
|
|
Post by julian on Apr 24, 2019 0:57:03 GMT 7
April 17, 2019
เป็นเวลาเกือบจะห้าทุ่มแล้วตอนที่จูเลียนกลับถึงบ้าน ฟ้ามืดสนิท แต่ข้างทางยังมีแสงไฟส่องอยู่พอให้มองเห็นทาง ตู้รับจดหมายที่มักจะว่างเปล่าในช่วงปลายเดือนแง้มออกเล็กน้อยจนเห็นซองจดหมายซึ่งประทับครั่งสีแดงสดยื่นออกมาจากกล่อง
จูเลียนขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ ไม่มีใครส่งจดหมายถึงเขามานานมากแล้วตั้งแต่โรงพยาบาลสัตว์ที่เขาทำงานอยู่เปลี่ยนไปใช้ระบบอีเมล์ เพื่อนแต่ละคนก็เปลี่ยนมาใช้ช่องทางที่ติดต่อได้รวดเร็วกว่าอย่างเฟซบุ๊คหรืออินสตาแกรมกันทั้งนั้น อันที่จริง ถ้าไม่นับจดหมายชวนให้สมัครบัตรเครดิตหรือประกันชีวิต ตลอดสิบปีที่ผ่านมานี้ก็มีแค่สองครั้งที่เขาได้รับจดหมายจากคนรู้จัก และแค่ดูจากซองนั่นก็น่าจะรู้ มันวิจิตรเกินกว่าที่จะเป็นจดหมายจากธนาคารหรือบริษัท หรือแม้แต่คนรู้จักที่เคยส่งจดหมายให้เขาคนนั้น
เขาเปิดจดหมายซองนั้นทันทีที่ก้าวเข้าไปในบ้าน ข้อความในจดหมายถูกเขียนด้วยลายมือบรรจง พูดถึงสายเลือดของแวนเดอร์วัลที่ไหลเวียนอยู่ในตัว แนบมากับธนาณัติปึกหนึ่ง
ฮังการีอยู่ติดกับออสเตรีย และอันที่จริง เขาก็เพิ่งจะลาหยุดไป
ไม่เสียหายอะไรถ้าจะไปพักผ่อนที่นั่น จูเลียนยักไหล่ กดจองตั๋วเครื่องบินโดยแทบไม่ต้องคิด
April 24, 2019
สัปดาห์ถัดมา หลังจากที่แพ็คเสื้อผ้าและฝากสุนัขแสนรักไว้กับ Dog hotel สักแห่งแล้ว จูเลียนก็ออกเดินทางโดยมีซามูเอลเพื่อนสนิทไปส่งที่สนามบินเวียนนา
มันไม่ใช่ไฟลท์ที่ยาวนานนักจากเวียนนาสู่บูดาเปสต์ เพียงแค่ห้าสิบนาที เขาก็มาถึงปลายทาง
ชายหนุ่มโบกแท็กซี่และยัดกระเป๋าเดินทางไว้ที่ท้ายรถ หลังจากขึ้นไปนั่งแล้ว เขาจึงยื่นที่อยู่ในกระดาษโน้ตให้กับคนขับ
นี่เป็นครั้งแรกที่จูเลียนได้เห็นคฤหาสถ์ที่ใหญ่โตขนาดนี้
มองจากภายนอก คฤหาสถ์แวนเดอร์วัลดูโอ่อ่าเลิศหรูสมกับความประณีตวิจิตรของจดหมายและจำนวนเงินที่ถูกแนบมาด้วย
จูเลียนยกกระเป๋าเดินทางลงมาจากท้ายรถแล้วจ่ายเงินคนขับรถ ไม่ลืมจะกล่าวขอบคุณอย่างมีมารยาท ชายหนุ่มหยิบจดหมายในเสื้อโค้ตออกมา อ่านทวนอีกครั้งให้แน่ใจก่อนจะกดกริ่งหน้าประตู
|
|
|
Post by Payton on Apr 24, 2019 8:41:47 GMT 7
“มีจดหมายน่ะลูก”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นทั้งที่ยืนหันหลัง และง่วนอยู่กับการจัดแจงวางจานอาหารเย็นลงบนโต๊ะราวกับมีงานปาร์ตี้ เด็กหนุ่มถอดเสื้อคลุมออกแขวนไว้ที่ประตูก่อนจะเดินเข้าไปกอดอย่างออดอ้อน
“สาวๆ รึป่าวนะ”
คางวางเกยไหล่ผู้เป็นแม่ พร้อมกับท่าทางสูดกลิ่นอาหารอย่างกระตือลือล้น หญิงสาวเงียบไปพักนึงก่อนเอ่ยตอบ
“…จากฮังการี”
“คราวนี้ส่งจดหมายมาตามเลยเหรอครับ ทุกปีก็ไม่เห็นมีอะไรนี่”
สีหน้าของเด็กหนุ่มตอบแบบเบื่อหน่ายขึ้นมาทันที เพย์ตันรักความสนุก และอิสระเสรีเกินกว่าจะทนอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่พร้อมครอบครัวฝั่งพ่อได้นานเกินสองเดือน ทุกปีเขาจะไปอยู่ที่นั่นในช่วงสั้นๆ ใช้ชีวิตอย่างที่พ่อทำ อยู่ในที่ที่พ่อเคยอยู่เพื่อความสบายใจของแม่ แต่นั่นล่ะ ยิ่งมากคนก็มากความ
“ปีนี้ผมก็ไปเหมือนเดิมนั่นล่ะ ผมเคยเบี้ยวแม่ที่ไหนกัน”
ชายหนุ่มรีบตอบเอาใจเมื่อเทเรซ่าแม่ของเขาหันกลับมาพร้อมกับยื่นจดหมายให้ มือที่เปรอะเปื้อนจากการไปช่วยงานในร้านประกอบกีตาร์คลาสสิค รับจดหมายมาไว้ก่อนจะเอ่ยปาก
“ผมไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวมากินข้าวนะครับ”
เพย์ตันขยับมือขยี้เช็ดผมหมาดชื้นหลังเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กอีกผืนที่พันรอบเอว จดหมายที่ถูกเปิดอ่านแล้วกางอยู่บนเตียง กระเป๋าที่ไม่ได้จัดเตรียมไว้ก่อนพร้อมของจำเป็นวางกองอยู่ข้างๆ ที่จริงก็ไม่ได้มีอะไรมากนักมีเพียงเสื้อผ้าและของใช้ไม่กี่อย่างเท่านั้น เด็กหนุ่มโกยของทุกอย่างใส่กระเป๋าแล้วรูดซิบปิดแล้วเดินลงไปกินข้าว
“ผมว่ารอบนี้แปลก”
เสียงเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยขณะที่มือเขี่ยผักในจานออก แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก บางทีการกลับบ้านรอบนี้อาจจะไม่น่าเบื่อก็ได้ ก่อนที่อีกฝ่ายจะเอ่ยถามเขาก็ตัดบทเสียก่อน แล้วลุกไปหอมแก้มผู้เป็นแม่เบาๆ
“ผมนอนก่อนดีกว่า ฝันดีนะครับ”
. .
การเดินทางจากเวียนนามาฮังการีกินเวลาค่อนข้างนาน ไม่รู้เป็นเรื่องของระยะทางหรือเขาเถลไถลกันแน่ เพย์ตันเริ่มชินกับการต้อนรับ และวัฒนธรรมของบ้านหลังใหญ่นี้ได้สักพักแล้ว กระเป๋าเป้ใบไม่ใหญ่มากถูกวางไว้บนโซฟาก่อนที่เด็กหนุ่มจะบิดขี้เกียจพร้อมกับขยี้ผมที่ฟูไม่เป็นทรงบนใบหน้าง่วงนอนเต็มประดา
“ถึงสักที”
|
|
|
Post by Daniel. on Apr 24, 2019 9:42:11 GMT 7
จดหมายประทับครั่งสีแดงสดถูกส่งมาให้มิสเตอร์โลเปซ นอนนิ่งอยู่บนโต๊ะทำงานมะฮอกกานีหรูอยู่หลายชั่วโมงก่อนที่เจ้าของโดยชอบธรรมจะมีเวลาปลีกตัวออกมาจากภาระทั้งหลายเพื่อหยิบมันขึ้นมาสำรวจ กระดาษขาวเนื้อดี จัดแจงแจ้งเจตจำนงอย่างชัดเจน 一 คำเชื้อเชิญถึงสายเลือดแห่งแวนเดอร์วัลอีกครึ่งหนึ่งในกาย, ดาเนียลเอนกายลงกับเบาะนุ่ม มือแกร่งขยับนวดขมับคล้ายกำลังจัดไล่ระเบียบความคิดที่แล่นริ้วพันกันยุ่ง แวนเดอร์วัล.. เธอเองก็คงจะได้รับมันเหมือนกัน จดหมายฉบับนี้ โรเซ่..
แค่คิดก็รู้สึกอยากจะปัดทิ้งไปซะให้รู้แล้วรู้รอด แต่มือกลับขยับช้อนแผ่นกระดาษพับที่ถูกเผยเนื้อความต่อสายตาขึ้นมาอีกครั้ง เขาควรปฎิเสธมันไปหรือเปล่า, ขอแค่เป็นเรื่องที่เกี่ยวดองเชื่อมโยงกับคำว่า ‘ครอบครัว’ ดาเนียลก็รู็สึกราวกับสติปัญญาจะลดหลั่นลงเพียงครึ่ง เหมือนกับแผลที่ยังสด และอาจจะไม่มีวันหาย.. ดาเนียลถอนหายใจ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อติดต่อกับหมายเลขที่คุ้นเคยที่สุด
“..ฉันมีธุระพรุ่งนี้, แคนเซิลตารางสองเดือนข้างหน้าให้หมด แล้วก็อย่าพึ่งรับนัดอะไรเพิ่มเด็ดขาด จองไฟลท์ให้ฉันด้วย” “รับทราบค่ะ ที่ไหนคะ?” “ฮังการี” “รับทราบค่ะ” เสียงคีบอร์ดขยับรัวแทรกมาตามสาย ปลายนิ้วของชายหนุ่มขยับไล่ตามรอยครั่งบนซอง เธอตอบกลับมา “ไฟลท์บินพรุ่งนี้นะคะ เป็น..” “ธุระส่วนตัว”
...
กระเป๋าลากสีดำสนิทถูกโหลดลงจากเครื่องมาตามสายพานสีเดียวกัน ดาเนียลจัดแจงลากสัมภาระเดินออกมาจากเกทสนามบินหลังจากที่ปลายรองเท้าโลฟหนังอิตาเลียนได้ลงมาเหยียบพื้นสนามบินได้ไม่ถึงสิบนาที ส่งกระเป๋าให้กับชายตรงหน้าที่มารอรับเพื่ออยู่นะประตูทางออกเพื่อความสะดวกต่อการเดินทางไปยังคฤหาสน์แห่งแวนเดอร์วัล
ไม่นานเวลาแห่งการเดินทางก็ได้สิ้นสุดลง ดาเนียลอดไม่ได้ที่จะผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ไม่วายคืนนี้คงจะถูกอาการเจ็ทแล็กถามหาอย่างแน่นอน เปิดประตูรถลีมูซีนสีทมิฬก่อนจะก้าวเหยียบลงบนสถานที่ที่ถูกเชื้อเชิญ–แวนเดอร์วัล
|
|
|
Post by JORDAN on Apr 24, 2019 10:40:12 GMT 7
กระดาษถูกพับเก็บลงตามรอยเดิม สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปคือสีหน้าของจอร์แดน แวนเดอร์วัล
นัยนตาสีอ่อนไม่หลงเหลือความขี้เล่นอย่างที่เห็นกันเนืองๆ มันเต็มไปด้วยความคิดหลากหลายส่งต่อให้ใบหน้าคมคร้ามนิ่งขรึม จนบรรดาแม่บ้านทั้งหลายรับรู้ได้ถึงความอึมครึม พ่อบ้านออกสัญญาณมือให้คนอื่นถอยออกจากห้องโถง เหลือเพียงแม่นมคนเก่าแก่เท่านั้นยังยังสามารถยืนทนรับแรงกดดันจากชายหนุ่มรุ่นราวคราวลูกได้ "คุณชาย--" "เตรียมตัวเถอะครับ" จอร์แดนเอ่ยเสียงเรียบ เจ้าของแผ่นหลังกว้างเหยียดตรงซ่อนอารมณ์ไว้เกินกว่าจะมีใครอ่านมันออก ผินใบหน้าออกมองนอกหน้าต่าง ทอดสายตาออกไปไกลจนเกินคาดเดาว่าจุดจบจะอยู่ที่ใด หญิงชราถอนเท้าออกไปแล้วแต่จอร์แดนยังคิดไม่จบ เหตุใดกันผู้เป็นพี่ชายของมารดาถึงได้ส่งจดหมายฉบับนี้ มาพร้อมทั่งแนบธนาณัติอันไม่จำเป็น กับคุณลุงคนนี้เขาเองก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไร และไม่อาจจำความอะไรได้เกี่ยวกับวิลเลียม แวนเดอร์วัลแม้แต่น้อย
ภาพสุดท้ายคือชายวัยกลางคนยื่นใบคำสั่งศาลตัดสินกล่าวอ้างถึงความสามารถของมารดามาให้ เด็กชายในวัยสิบแปดพยายามต่อสู้คดีให้ได้ขึ้นเป็นผู้อนุบาลมารดาตนแทน เลือดตาแทบกระเด็นที่ต้องขึ้นศาลอุทธรณ์อย่างโดดเดี่ยว ความรู้สึกผิดแผกก่อสุมในแผ่นอก หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น ตรึกตรองไปถึงสาเหตุแต่ก็คิดไม่ออก
ถอนหายใจยาวพลางก้าวออกไปจากห้องโถงบ้าง
จนกระทั่งวันนัดหมายมาเยือน ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยเรื่องนี้แก่มารดาตน เพียงแค่อ้างว่า 2-3 สัปดาห์นี้คงไม่ได้กลับมาที่บ้านบ่อยนัก หากคิดถึงสามารถต่อสายตรงถึงเขาได้ทุกเมื่อ "รอบนี้ไปนานจังเลย เจ.เจ" จอร์แดนขยับยิ้มบาง ลงนั่งชันเข่าต่อหน้ามารดาผู้เข้าสู่วัยร่วงโรย
ความอ่อนโยนถูกส่งผ่านปลายนิ้วเรียวเกี่ยวเส้นผมสีอ่อนขึ้นทัดใบหู ก่อนจะวางทับลงบนมือเล็กเย็นเฉียบของชาร์ลี
"เดี๋ยวผมก็กลับมาครับ ไม่นานหรอก" ออกแรงบีบน้อยๆ ให้อีกคนสบายใจ
เชื่อมั่นในคำสัญญาที่เจ้าหล่อนรู้ดีว่าบุตรชายคนนี้ไม่เคยจะทำให้เธอผิดหวัง
"อีกอย่างบูดาเปสต์ก็อยู่ไม่ไกล แค่ 2 ชั่วโมงเอง ผมมาหาแม่ได้ตลอดเวลา" ชาร์ลีไม่ตอบ แววตาเง้างอนอยู๋ในทีแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เธอไม่เคยอยู่ห่างจากบุตรชายเนิ่นนานขนาดนี้
อาจจะมีบ้างในช่วงที่จอร์แดนเล่าเรียนหนังสือ ความโหวงเหวงในอกหล่อนรั้งร่างของชายหนุ่มเข้ามาโอบกอดแน่น "แม่รักลูกนะ เจ.เจ." "ผมก็รักแม่ครับ"
จบสิ้นการร่ำลา รถยนต์ซีดานพาคุณชายของบ้านมาส่งยังท่าอากาศยานปูลโกโว
จับเที่ยวบินช่วงบ่ายของวันมุ่งตรงสู่สนามบินบูดาเปสต์ ฮังการี ใช้เวลาไม่นานในการผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง
การมีสัญชาติฮังกาเรียนตั้งแต่กำเนิดทำให้การก้าวเข้าสู่เมืองหลวงเป็นไปง่ายดาย
ประตูรั้วคฤหาสน์แวนเดอร์วัลปรากฏขึ้นในครรลองสายตา เมื่อลีมูซีนสนามบินหักเลี้ยวเข้าสู่ถนนใหญ่
ตัดผ่านหมู่แมกไม้อวดตัวคฤหาสน์หรูหราตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า
เสียงเครื่องยนต์ดับลงไปแล้ว แต่จอร์แดนยังคงนั่งนิ่งยังเบาะหลังผู้โดยสารดั่งเดิม สารถีเหลือบมองใบหน้านิ่งสงบผ่านกระจกหลังไม่กล้าขยับปาก
เพราะนึกขยาดกับนัยน์ตาเรียวคู่นั้น ฉับพลันมุมปากหยักยกขึ้นเหยียดออกเป็นรอยยิ้มสนเท่ห์
ขยับปากไร้เสียงพออ่านเป็นคำได้ว่า "ฉันกลับมาแล้ว --แวนเดอร์วัล"
...
|
|
|
Post by ❥ VIVIAN on Apr 24, 2019 12:21:28 GMT 7
งานนิทรรศการภาพวาดสีน้ำมันครั้งที่ 3 ของศิลปินเลื่องชื่อในนาม ‘วิสเปอร์เธียร์’ ยังคงเป็นที่สนอกสนใจในหมู่นักธุรกิจและแวดวงชั้นสูงไม่เคยเปลี่ยน ด้วยเอกลักษณ์การลงสีที่ไม่เหมือนใครและชวนสะดุดตาจนต้องหยุดมองซ้ำถือเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากมีมันไว้ประดับบ้าน ในห้องรับแขกสักห้องเพื่อโอ้อวดถึงความหมายของมันสักครั้ง
ที่สำคัญครั้งนี้เงินส่วนนึงจากการซื้อรูปก็จะถูกจัดสรรปันส่วนให้แก่มูลนิธิเด็กออธิสติก คนใจบุญที่ไหนจะยอมพลาดกันเล่า
แทบจะอยู่มุมในสุดของงาน พื้นหลังสีขาวสะอาดตัดกับรูปวาดดำทึบราวน้ำหมึกถูกเทกระจาดลงบนผืนผ้า ผสมปนเปกับโลหะร้อนฉ่าเพียงเพื่อปั้นแต่งให้กลายเป็นโครงหน้าของสตรี... หรือบุรุษ ไม่มีคำบรรยายใต้ภาพใดๆผิดแผลงนอกคอกไปจากภาพอื่น เช่นนั้นคำตอบของคำถามสุดแท้คงมีเพียงคนสร้างมันขึ้นมาเท่านั้นที่รู้
ร่างระหงในชุดราตรีผ้าซาตินสีครีมไข่ไก่แนบเนื้อกลืนไปกับผิวขาวราวกระเบื้องเคลือบจนแทบแยกไม่ออก หล่อนยืนจับจ้องอยู่ตรงหน้าภาพนั้นเป็นนานสองนาน แก้วไวน์ขาวในมือแทบไม่พร่องลงแม้เพียงนิด นัยน์ตาโศกสีฮาเซลไม่บ่งบอกความรู้สึกใดนอกจากความสงบอันไร้ก้นบึ้ง “พี่วิเวียน” “แซม”
กระทั่งเสียงโทนต่ำแสนคุ้นหูฉุดดึงหล่อนกลับเข้าสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง มุมปากที่เคยเรียบเฉยพลันปรากฎรอยหยักโค้งเป็นรอยยิ้มอ่อนหวาน วิเวียน่า แวนเดอร์วัล เปอร์ตี ผินดวงหน้าไปหาหญิงสาวร่างสูงเพรียวที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ ท่วงท่าทะมัดทะแมงเปี่ยมความมั่นใจในทุกจังหวะการก้าวเท้า รอยยิ้มฉีกกว้างจนเห็นฟันยังคงเจิดจ้า ซาแมนธา บรู๊ค—ไม่สิ ซาแมนธา มาร์ติน ยังคงเป็นตัวแทนของฤดูใบไม้ผลิเคลื่อนที่ในทุกครั้งที่เจ้าหล่อนปรากฎตัว
“ยินดีด้วยนะคะกับงานนิทรรศการครั้งที่สาม” ซาแมนธาสอดแขนสวมกอดคนร่างบางแน่นแทนความคิดถึงอย่างคนคุ้นเคยที่ไม่ได้พบเจอกันมาแรมปี ผละออกเล็กน้อย ฝ่ามือยังจับอยู่บนเอวคอดใต้ชุดผ้าเนื้อลื่น หัวคิ้วพลันขมวดเข้ามากัน “อะไรกัน พี่ผอมลงอีกแล้วหรือ อีกนิดถ้าแซมปล่อยมือพี่ต้องปลิวไปกับลมแล้วแน่ๆ”
“เราก็พูดเสียเวอร์” วิเวียน่าเอ็ดเบาๆ กระนั้นน้ำเสียงกลับหวานหูจนคนฟังไม่ได้รู้สึกเหมือนโดนว่าสักนิด “ช่วงนี้พี่แค่โหมงานหนักไปเท่านั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอก— เพื่อนิทรรศการครั้งนี้นั่นแหละจ๊ะ... ว่าแต่เราเถอะ คุณตินมาด้วยรึเปล่า” “มาซีคะ แต่ตอนนี้แอบไปยืนอ่อยสาวอยู่ตรงไหนสักที่แล้วล่ะมั้งน้า” ถึงจะบอกอย่างนั้น ซาแมนธากลับมีรอยยิ้มเกลื่อนใบหน้าขึ้นไปถึงดวงตาจนเป็นประกายเพียงแค่นึกถึงใครบางคน
“ดูพูดเข้าซี พี่ยังจำได้ งานแต่งของเราวันนั้น สายตาของอัลบาโรไม่เคยละไปจากน้องสาวของพี่เลย” “งั้นนั่นก็เป็นสิ่งยืนยันว่าแซมตัดสินใจถูกแล้วที่ขอคุณตินแต่งงาน” “เรานี่น้า..”
ยังไม่ทันได้พูดคุยไปมากกว่านั้น ผู้จัดการงานในชุดสูทเดินตรงเข้ามาหา เขาโค้งศีรษะเล็กน้อยเชิงขออนุญาติ วิเวียนจึงผละออกมาเพื่อรับฟังว่าเกิดอะไรขึ้น “มีอะไรรึเปล่าคะ”
“พอดีมีจดหมายจ่าหน้าซองถึงคุณเปอร์ตีครับ เห็นว่าเป็นจดหมายด่วนผมจึงถือวิสาสะเอามาให้ก่อน ต้องขออภัยด้วย”
หลุบนัยน์ตาคู่สวยมองซองจดหมายสีทองในมืออีกฝ่าย แน่นิ่งไปครู่นึงเมื่อเห็นครั่งสีแดงประทับตราของตระกูลที่ไม่คาดคิดว่าจะพบเจอในชาตินี้ ก่อนมือบางจะเลื่อนหยิบมาถือไว้แทน หล่อนเงยหน้าขึ้นคลี่ยิ้มน้อยๆ คล้ายเกรงใจเสียเต็มประดาส่งให้คนตรงหน้า
“ไม่เป็นไรค่ะ อาจเป็นเรื่องด่วนจริงๆก็ได้ ขอบคุณมากนะคะคุณโนแลนที่เป็นธุระให้” “ด้วยความยินดีครับคุณเปอร์ตี ผมไม่ได้ลำบากอะไรเลย”
แค่หล่อนยิ้มให้ เขาก็แทบลืมหายใจ ไม่มีผู้หญิงคนไหนจะดูอ่อนหวานในทุกท่วงท่ากิริยา เรือนร่างบอบบางน่าทะนุถนอมไปทั้งเนื้อทั้งตัวอย่างคุณเปอร์ตีอีกแล้ว โดยเฉพาะในยุคสมัยใหม่เช่นนี้ เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าหล่อนกลายเป็นแม่หม่ายสองรอบติดได้อย่างไรกัน คิดได้อย่างเดียวว่าผู้ชายพวกนั้นต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆที่ปล่อยผู้หญิงอย่าง วิเวียน่า อวนเดอร์วัล เปอร์ตี หลุดมือไป...
. . .
จดหมายจาก วิลเลี่ยม แวนเดอร์วัล ถูกพับเก็บเรียบร้อยวางอยู่บนหน้าตักของหนึ่งในสายเลือดแห่งแวนเดอร์วัล วิเวียน่าเบนสายตามองออกไปนอกรถโดยสารคันหรูที่ตรงมารับถึงหน้าสนามบินบูดาเปสต์ทันทีที่เครื่องลงจอด ลมหายใจแผ่วเบาถูกปล่อยออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่ม
…คิดถูกคิดผิดกันหนอที่ตัดสินใจเดินทางมาในครั้งนี้
อาจเพราะลึกๆ แล้วหล่อนต้องการหาที่พักพิงให้ห่างไกลจากมงเปอลีเยมากที่สุด ด้วยการหย่าร้างครั้งที่สองทำให้จิตใจปั่นป่วนนัก... ความห่างเหินอย่างนั้นหรือ หึ ช่างเป็นข้ออ้างแสนสะเทือนอารมณ์สำหรับสตรีอ่อนแออย่างหล่อน—สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
กระนั้นความรู้สึกบางอย่างยังคงก่อกวน ใครจะรู้ดีเท่าหล่อนว่ามันไม่ใช่แค่นั้น การวาดภาพจนมีงานนิทรรศการเกิดขึ้นไม่เพียงพอที่จะขจัดบางสิ่งออกไปได้ และหล่อนมีเวลาเพียงอาทิตย์เดียว ก่อนที่ลูเซียงจะปิดเทอม ลูกชายตัวดีต้องรีบเร่งเอ่ยปากขอร้องตามมาฮังการีด้วยแน่ เอาเถิด ขอให้การมาในครั้งนี้มีเพียงเรื่องดีๆที่ไม่มีเรื่องร้ายใดมากวนใจก็แล้วกัน
“ยินดีที่ได้รู้จัก แวนเดอร์วัล...”
|
|
|
Post by 𝑨𝒏𝒂𝒔𝒕𝒂𝒔𝒊𝒂 on Apr 24, 2019 20:28:44 GMT 7
⠀ ⠀⠀เสียงดนตรีบรรเลงคลอเป็นทำนอง เพลงดังยุคเก้าศูนย์ดังแว่วมาจากเครื่องเล่นแผ่นเสียง มันถูกเปิดซ้ำไปวนมาจนกระทั่งเจ้าของร่างที่นอนอยู่บนเตียงกว้างลืมตาตื่นสะลึมสะลือ
⠀ ⠀⠀แซนวิชเนยถั่วเป็นสิ่งที่ท้องเธอเรียกหาของการตื่นนอนในเช้าวันนี้ ป้าแอนนาแม่ครัวคนสนิทของเธอมักจะแอบเอามาให้เธอทานในห้องเป็นประจำ แต่วันนี้กลับเงียบหายไปดื้อ ๆ เสียอย่างนั้นแต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้เธอแปลกใจเสียเท่าไหร่
⠀ ⠀⠀หลังทำกิจธุระส่วนตัวเสร็จก็ได้เวลาที่เธอต้องดิ่งตรงไปยังห้องอาหาร แต่ดูเหมือนว่าวันนี้คฤหาสถ์จะครึกครื้นกว่าทุกที (เรียกว่าพึ่งจะเคยครึกครื้นเสียดีกว่า) แม้จะสงสัยเพียงใดอนาตาเซียเลือกที่จะไม่ถามอะไรออกไป
⠀ ⠀⠀"อย่าเป็นมีทบอล ไม่เอามีทบอล.." สองมือประสานเข้าหากันเหมือนอ้อนวอนขอร้องพระเจ้า
⠀ ⠀⠀"เช้านี้พ่อครัวเสริ์ฟมีทบอลแบบเปอร์เซียน เสิร์ฟคู่กับเครื่องเคียงเป็นแครอทย่าง โรยด้วยชีสนมแพะ ทานให้อร่อยครับ"
มีทบอล, แครอท ขอบคุณสวรรค์ มีแต่ของไม่ชอบ!
⠀ ⠀เธอนั่งลงบนเก้าอี้พลางหยิบผ้าเช็ดมือที่ถูกพับอย่างปราณีตข้าง ๆ จานวางลงบนตักแทน บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นอย่างทุกวัน มีเพียงเธอที่ลงมารับประทานอาหารเวลาสายปานนี้
|
|
|
Post by 𝑨𝒍𝒆𝒙𝒊𝒔 on Apr 24, 2019 21:18:59 GMT 7
Alexis Clement Legrand
เมอเซราตีคันน้ำเงินแล่นฉิว ฝ่าแสงแดดอบอุ่นยามอรุณรุ่งที่เริ่มทอแสงพ้นขอบฟ้า มุ่งหน้าตรงไปยังคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่เลียบติดริมน้ำ ใบหน้าด้านหลังพวงมาลัยคนขับเสมองทิวแดดที่สาดประกายระยับลงบนผิวทะเลสาบ รู้สึกเบื่อหน่ายกับการต้องกลับไปเผชิญหน้ากับ—บางอย่าง ที่เพียรจะหนีอยู่เรื่อยมา แต่กลับหนีไม่พ้นเสียที
‘บ้าน’ คำสั้นๆ เพียงหนึ่งพยางค์ที่บีบรัดความรู้สึกของเขาเหลือหลาย มีเหตุผลมากมายหลายประการเหลือเกินที่ทำให้ชายหนุ่มวัย 23 ยอมระหกระเหินต่างถิ่น ทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำ เพียงเพื่อจะไม่ใช้เงินสักแดงเดียวของคนที่เขาไม่เคยเรียกว่า ‘พ่อ’ แม้จะเกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวยจนแทบจะทาทองทับปราสาททั้งหลังได้
หนึ่งปีเต็มที่อเล็กซิสไม่โผล่หัวกลับมาที่นี่ ส่วนหนึ่งคงเพราะเขารักอิสระมากเกินกว่าจะทนอยู่ที่ไหนได้นาน และอีกส่วน—คงเพราะที่นี่มีผู้ชายคนนั้น และที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นและจุดจบของทุกเรื่องราวในชีวิตของเขา
รั้วเหล็กดัดอัตโนมัติเปิดตัวออก เผยทางปูด้วยหินอ่อนตัดเรียบนำไปสู่เคหาสถานที่เขาไม่ได้เหยียบย่างมาแรมปี คนรับใช้รีบรุดมาต้อนรับ ต่างมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อเห็นดวงหน้าเรียบนิ่ง แฝงร่องรอยเย็นชาเสียจนใครไม่กล้าเข้าใกล้ คำเชิญจากพ่อบ้านบอกแก่เขาว่าผู้ชายคนนั้นรออยู่ในห้องทำงาน อเล็กซิสไม่แม้แต่เสียเวลาอ้อยอิ่งสักวินาที เพราะเขาไม่อยากเหยียบอยู่ที่นี่นานเกินจำเป็น
“เข้ามา” สุ้มเสียงใหญ่เอ่ยขานรับเสียงเคาะประตูของเขา บานประตูไม้ที่ถูกผลักเปิดออกไม่เบาไม่แรงแต่พอยังทำให้รับรู้ได้ว่า ผู้เข้ามาใหม่ไม่มีแก่ใจจะฟังบทสนทนายืดยาว ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มหลบเข้ามายืนกอดอก หน้าตาบูดบึ้งเสียจนคนที่นั่งตรงโต๊ะทำงานถึงกับต้องทิ้งสายตาไว้ที่เขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มลงไปขีดเขียนลงบนแผ่นกระดาษต่อ
นาทีเงียบงันมีเพียงเสียงขูดขีดของปลายปากกากับกระดาษ ก่อนที่ผู้สูงวัยกว่าจะคว้าเอาซองจดหมายสีขาวประทับครั่งสีแดงซึ่งวางอยู่มุมโต๊ะตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเข้ามา ส่งให้กับเขาทั้งที่ยังไม่เงยหน้ามอง ไม่มีแม้แต่คำทักทายอย่างที่ควรจะเป็น
อเล็กซิสเม้มริมฝีปาก ก่อนก้าวเข้าไปดึงจดหมายฉบับนั้นมาถือไว้ในมือ หยุดฝีเท้าลงที่หน้าโต๊ะทำงานของผู้เป็น ‘พ่อ’ ที่ทำเหมือนเขาเป็นอากาศธาตุไปแล้ว
ช่างเถอะ— เขาบอกตัวเอง หมุนตัวหันหลังกลับแล้วเดินออกมาจากห้องนั้น จดหมายในมือถูกเปิดออกอ่าน นัยน์ตาสีฟ้าจัดกวาดมองตัวอักษรยาวเหยียดที่ชวนให้ตาลาย อ่านรอบแรกไม่เข้าใจ รอบที่สองคิ้วเรียวที่พาดเหนือเปลือกตาสีอ่อนจึงค่อยขมวดมุ่น รับรู้ถึงความเป็นไปของอีกหนึ่งสายเลือดที่ไหลเวียนในกายของเขา — สายเลือดของแม่
ริมฝีปากบางเฉียบเม้มแน่นจนตึง ร่องรอยไหววูบในดวงตาบ่งบอกว่าคำๆ นี้กระทบกระเทือนจิตใจเขาเพียงไร และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาไม่ลังเลเลยที่จะจับไฟลท์บินที่เร็วที่สุดเพื่อกลับไปยังเมืองเกิดของมารดา เดินทางไปยังคฤหาสน์อันหรูหราใหญ่โตที่ชื่อว่า “แวนเดอวัล”
แว่นกันแดดสีชาถูกเกี่ยวขึ้นทับศีรษะ ในตอนที่ร่างสูงก้าวลงจากรถแท็กซีที่จอดหน้าทางเข้าคฤหาสน์ พร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่อีกหนึ่งใบ
‘สวัสดี แวนเดอวัล’
|
|
|
Post by Kaia ‘Rynn’ Rovenstine on Apr 24, 2019 23:04:09 GMT 7
★·.·´¯`·.·★ Solo - RP 2 ★·.·´¯`·.·★
❄️ CHAPTER I — THE BEGINNING ❄️
#VDWxRYNN
จดหมายประหลาดถูกส่งมาถึงบ้านของแม่ฉัน หล่อนรีบโทรศัพท์มาหาทันทีที่ได้รับมัน ฉันแปลกใจจริงๆนะเพราะในระยะเวลาที่ผ่านมา ฉันไม่เคยเห็นแม่พูดถึงครอบครัวให้ฟังเลย ฉันรีบสอบถามเวลาที่ไอเดนไม่อยู่ที่บ้านเพื่อที่จะไปพบกับแม่ แล้วเธอก็รีบนำจดหมายที่ว่านั่นให้ฉันได้อ่าน สุดยอดเลยแฮะ ฉันก็พอจะรู้มาบ้างอยู่หรอกนะ ว่าแม่เป็นคนที่พอจะมีเงินมีทองอยู่บ้าง แต่ไม่คิดจริงๆว่าจะขนาดนี้
"รินน์ ลูกไปแทนแม่ได้มั้ย"
ฉันมองเห็นความเจ็บปวดลึกในดวงตาของเธอ ก่อนที่แอนนาจะเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ฉันไม่อยากรบกวนอะไรเธออีกจึงตัดสินใจกลับออกมา
จนในที่สุดก็ถึงวันเดินทาง เอเวอร์ลีนเป็นคนมาส่งฉันที่สนามบินด้วยตนเอง ที่จริงเธอคิดจะตามมาด้วยแต่ด้วยความเกรงใจ บวกกับความรู้สึกเห็นอกเห็นใจในตัวคุณตา(รึเปล่าก็ไม่รู้เพราะฉันเองก็ใช่ว่าจะนับญาติถูก)เลยรู้สึกอยากไปโดยลำพังเสียมากกว่า
ฉันไม่เคยขึ้นเครื่องบินเดินทางคนเดียวไกลๆแบบนี้มาก่อนเลยค่อนข้างที่จะอ่อนล้ามากๆ ยังดีที่ระหว่างทางเจอผู้คนคอยให้ความช่วยเหลือ ฉันจึงคลำทางมายังคฤหาสน์หลังยักษ์นี้ได้ในที่สุด
|
|
|
Post by carol on Apr 25, 2019 21:27:00 GMT 7
"ไหนๆแล้วก็ไปหน่อยเถอะลูก" ฮิวเบิร์ตเอ่ยขึ้นกลางมื้ออาหารค่ำ "จะได้เยี่ยมคุณย่าเผื่อพ่อด้วย" แครอลเขี่ยแครอทในจานไปมา เธอไม่เคยเข้าใจเลยว่ามนุษย์ชอบสัมผัสรสหวานของมันกับอาหารคาวได้ยังไง แครอลเหลือบตาขึ้นมองฮิวเบิร์ต เธอถอนหายใจและไม่ได้พูดอะไร ยังไงเธอก็ต้องไปแม้จะปฎิเสธก็ตาม เธอรู้ดี
หลังอาหารค่ำ แครอลเปิดอ่านจดหมายอีกครั้ง เธอไม่เคยเดินทางไปที่นั่นคนเดียว คงไม่ไปหากพ่อไม่บังคับ และคงยอมหนีออกจากบ้านถ้าหากบ้านนั้นไม่มีคุณย่าอยู่ "คุณย่าจะอยู่หรือเปล่านะ แต่คงจะอยู่ ไม่งั้นฉันคงไม่ได้จดหมายเชิญหรอก!" เธอโยนจดหมายเข้ากระเป๋าที่เปิดอ้าอยู่อย่างหมดอารมณ์ แล้วเริ่มเก็บข้าวของสำหรับการเดินทาง
แครอลเดินทางมาถึงคฤหาสน์ในวันต่อมา บรรยากาศดูครึกครื้นกว่าปกติ เธอประหลาดใจกับคนแปลกหน้าทั้งหลาย บางคนหน้าคุ้นเคยกันบ้างในสมัยเด็ก แต่ที่เธอจำได้แม่น คือรูปของอเล็กซานเดอร์ ผู้นำตระกูลแวนเดอร์วัล
"อย่างกับฉากในละครเลย ให้ตายเถอะ" เธอหันมองรอบห้อง สายตาอยู่ที่ภาพของอเล็กซานเดอร์แล้วกลอกตา
|
|
|
Post by West V. on Apr 25, 2019 22:12:38 GMT 7
West Vanderwal
"หนึ่ง..สอง สาม สี่ ห้า......สิบ สิบเอ็ด..."
"...หมื่นล้าน? บ้าน่ะ เยอะขนาดนั้นใช้กี่ชาติจะหมด"
สุ้มเสียงทุ้มเอ่ยสำเนียงอเมริกันออกมาอย่างประหลาดใจ นัยน์ตาน้ำตาลเข้มเพ่งไปที่ตัวอักษรเขียนมือบรรจงลงลายลักษณ์อย่างปราณีตเต็มหน้ากระดาษ มือพลิกจับดูหน้าหลังสลับไปมาหาข้อบกพร่องว่าใครจะบ้าแกล้ง ใช่ว่าไม่มี แต่ทริคฟิชชิ่งแบบนี้ เวสท์ แวนเดอร์วัล จับหิ้วเข้ากรงไปหลายรายเสียจนได้ใบพลเมืองดี
ร่างใหญ่ในวัยสี่สิบปีไม่ได้เขลาถึงขนาดใช้เทคโนโลยีไม่เป็น แม้พิมพ์ไม่คล่องว่องไวเฉกเช่นเหล่าวัยหนุ่ม หน้าเสิร์ชเอนจิ้นถูกเปิดใช้อยู่หลายครั้งและมักมีคำถามประจำจนประโยคขึ้นติดเครื่องทุกครั้งใช้งาน
'แวนเดอร์วัล' ต้นสายหัวตระกูลผู้สลักนามหลังชื่อของเขาแต่กลับไม่เคยพานพบแม้แต่ญาติ สกุลผู้มีอิทธิพลเกรียงไกรมาหลายยุคทางตะวันตก อีกฟากของทวีป เชื้อสายแตกพานไปอย่างกว้างขวางจนเมื่อครั้งค้นหาหนแรกก็ทำเอาเขาตกตะลึงไปไม่น้อย เป็นอีกเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเมื่อครั้งสงครามโลก นาซีพ่ายให้กับสัมพันธมิตรและโซเวียส ฮังการี่และแวนเดอร์วัลย่อมร่วมหมู่กับเยอรมัน แต่กลับยังรุ่งโรจน์ได้อย่างอัศจรรย์ราวกับไม่ได้สูญเสียสิ่งใด
ผู้เป็นเจ้าของหัวจดหมายและปิดสลักด้วยแว๊กซีลประทับด้วยตราตระกูลอย่างชัดเจน ของแบบนี้ไม่มีผู้ใดเลียนแบบได้อย่างแน่นอน
เวสท์ยกมือขึ้นกุมศรีษะวางศอกคานกับโต๊ะไม้เกรย์วูด ลอบถอนหายใจออกอย่างยืดยาวพิจารณาอยู่ในหัว แม้ทรัพย์สินเลขหลายหลักจะดูอลังการ แต่ความโลภในตัวเขาในวัยสี่สิบปีกว่าสร้างรายได้ปีหลายล้านและกำลังเพิ่มพูนขึ้นไม่หยุดไม่ได้สนใจในสิ่งนั้นแม้แต่น้อย แต่เป็นเรื่องราวของต้นตระกูลผู้มีศักดิ์เป็นเจ้าของสายเลือดในกายเขาเสียมากกว่า
โทรศัพท์บนโต๊ะถูกมือหนาจับยกขึ้นพร้อมกับกดตัวเลขลงไป ริมฝีปากกร้านเผยออ้าออกถ่อนจะกล่าวออกไป
"มิสสตีล จองตั๋วเครื่องบินไปบูดาเปสต์ ฮังการี่คืนนี้ให้ผมหน่อย ... ขอบคุณ" เสียงของแข็งวางกระทบกลับลงไป ลมหายใจถอนออกอีกครั้ง ..เอาล่ะ ถึงเวลาเดินทาง
.
.
.
.
"ที่นี่น่ะเหรอ..." ร่างใหญ่ยืนประจันกับซุ้มบานประตูเหล็กขนาดใหญ่ ไม่แน่ใจว่าไว้ข่มขวัญหรืออวดรวยกันแน่นัก ประดับไว้ด้วยรูปปั้นและเหล็กดัดเป็นรูปทรง เบื้องหลังมีต้นไม้สองข้างทางยาวลู่ตามถนนลิบจนสุดสายตา เวสท์เชื่อความมั่งคั่งอย่างสนิทใจก็ในตอนนี้
ข้างประตูเหล็กมีกล่องพลาสติก สีแดงสำหรับกระดิ่งและแผงเลขเก้าตัว เสียงพลาสติกถูกจิ้มกดลงไปก่อนจะมีเสียงชายสูงวัยตอบกลับมาทันที
"ที่นี่บ้านแวนเดอร์วัล มีความต้องการติดต่อใด ๆ กรุณากดตามความประสงค์ของท่าน ..........เก้า-เก้า สวัสดี"
เสียงลอดลำโพงกล่าวออกมาอย่างยาวนาน ดูท่าจะเป็นที่นิยมเสียจริงบ้านหลังนี้ เวสท์กดตามหมายเลขที่ต้องการ เพราะเป็นข้อความสุดท้ายของเสียงได้บอกกับเขา "สายเลือดแวนเดอร์วัล กดเก้า-เก้า"
"...เก้า...เก้า.." แล้วอย่างไรต่อ.. ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา ไม่มีแม้แต่ลมจะพัดสนอง กดกริ่งย้ำไปอีกครั้งก็ขึ้นเสียงเดิมก่อนหน้า... เนิ่นนานราวห้านาที นี่มันเสียเวลา บ้าอะไรกัน อย่างน้อยควรมีสิ่งใดตอบกลับ
ขณะที่กำลังจะหันกายล้วงหยิบโทรศัพท์กดรับจ้าง รถเปิดประทุนสีขาวดูใหม่เอี่ยมเคลื่อนจากภายในขับมาจอดอยู่ตรงหน้า-ด้านหลังประตู
"ขออภัยให้ต้องคอย ..รูปร่างหน้าตาเช่นนี้คงเป็นคุณเวสท์ กระผมบ้าด พ่อบ้านประจำบ้านหลังนี้ครับ" เสียงชายหนุ่มพูดไว้ที น้ำเสียงทุ้มนุ่มน่าฟังกับท่าทางนอบน้อมถูกฝึกและปฏิบัติอย่างดี เวสท์เพียงพยักหน้ารับ มองคนแปลกหน้าที่ยกกระเป๋าเขาเก็บไว้ท้ายแล้วเปิดประตูให้
"ขออภัยที่ล่าช้า เนื่องจากลูกหลานหลายท่านที่เดินทางกันมา ทำให้เราต้องรับแขกจำนวนมาก หวังว่าท่านจะให้อภัย"
"อืม ไม่เป็นไรหรอก ทีหลังก็ทำเสียงตอบรับหลังกดเก้าเก้าก็ดี นึกว่าเครื่องเสีย" เวสท์กล่าวเพียงเท่านี้แล้วขยับกายแทรกเข้าไปในตัวรถ อีกฝ่ายปิดแล้ววกกลับไปนั่งคนขับที่เดิม พาหนะสี่ล้อขับเคลื่อนเข้าสู่ภายในความอลังการคงไม่ต้องสงสัย ถ้ายกสวนนิวยอร์คมาไว้ได้ พวกเขาก็คงทำ เช่นเดียวกับทะเลสาบ ตลอดเส้นทางมีบ้างที่ถนนโค้งและส่ายไปมา จนเนิ่นนานผ่านไปถึงห้านาที 'บ้านนี้มันลึกขนาดไหนกันวะเนี่ย' น้ำหนิดในลำคอลอบกลืนอย่างอดไม่ได้ เพราะนั่นต้องหมายถึงที่ดินอันมีค่ามหาศาลยิ่งกว่าเงินหมื่นล้านดอลล่านั่นเสียอีก
ชายคาคฤหาสน์ อาคารขนาดใหญ่โบราณเข้าสู่ระยะสายตา ไม่เหลืออะไรให้ต้องอ้าปากค้าง อลังการทุกอย่างเสียจริง รถเปิดประทุนเทียบจอดกับหน้าบ้าน พ่อบ้านลงมาเปิดประตูอย่างคล่องแคล่ว ก่อนเวสท์จะลุกออกจากรถไป ก้าวเดินตามอีกฝ่ายที่ผายมือเชื้อเชิญเข้าสู่ภายใน
"สวัสดี แวนเดอร์วัล ...ในที่สุดเราก็ได้เจอกัน"
- - - - West V.
|
|
|
Post by Jolene G. on Apr 25, 2019 23:28:01 GMT 7
- I - 'บ้าจริง! หล่อนกำลังสาย'
สองเท้าสืบก้าวยาวอย่างรีบร้อนเท่าที่ขาจะเอื้ออำนวย เสียงล้อกระเป๋าเดินทางดังครืดคราดตามพื้นหินปูไปจรดบันไดหน้าประตูของตัวคฤหาสน์ ประตูทั้งใหญ่ทั้งสูงจนเลยศีรษะของโจลีนน์ขึ้นไปอีก มือหนึ่งกำซองจดหมายประทับครั่งที่ถูกเปิดอ่านแล้วไว้ด้วยแน่น เมื่อมายืนอยู่ตรงนี้จริง ๆ ก้อนเนื้อในอกซ้ายกลับเต้นตุ้มต่อมอย่างไม่เป็นจังหวะ เหงื่อซึมชื้นในฝ่ามือจนต้องยกไปถูกับเสื้อโค้ทที่สวม โจลีนน์สูดหายใจลึกก่อนจะยกมือจับเข้ากับห่วงเคาะประตู
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
หล่อนเคาะลงไปสามครั้งตามแบบฉบับสากลนิยม ก่อนจะปล่อยมือออกเพื่อรอให้ใครสักคนมาเปิดประตูบานใหญ่นี้ ลอบกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง ประจวบเหมาะกับบานประตูนั้นถูกเปิดออกพอดี โจลีนน์ยืดตัวขึ้นเล็กน้อยด้วยอาการเกร็ง ตาเรียวมองตรงไปยัง 'เขา' ผู้ที่อยู่หลังประตู อาจจะเป็นคุณพ่อบ้านหล่อนเดาจากการแต่งกายสุดเนี้ยบนั่น โจลีนน์คลี่ยิ้มแต้มบนริมฝีปาก ผงกศีรษะลงเล็กน้อยเชิงทักทาย เขาขยับถอยหลังเล็กน้อย เป็นการเปิดทางให้พร้อมยกมือผายเข้าด้านในคฤหาสน์ เสียงทุ้มต่ำของเขาเอ่ยเรียกชื่อหล่อนเสียเต็มยศ และบอกว่าคนอื่น ๆ กำลังรออยู่แล้ว นั่นเหมือนคำพูดที่สื่อเป็นนัยว่าหลอนมาสายเกินไปโข
"ขอบคุณมากค่ะ"
โจลีนน์เอ่ยขอบคุณเขาขณะที่ลากกระเป๋าเดินทางเข้าสู่ตัวคฤหาสน์เรียบร้อยแล้ว มีเสียงปิดบานประตูดังไล่หลังมา หล่อนหยุดเท้าที่ก้าวเดินลง เพราะไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อในคฤหาสน์โอ่โถงเช่นนี้ และดูเหมือนคุณพ่อบ้านจะพอเดาออก นี่หล่อนแสดงความเก้กังอะไรออกไปหรือเปล่านะ เขายกมือขึ้นผายอีกครั้งในเชิงให้เดินตามไป โจลีนน์พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะก้าวขาเดินตามหลังไปจนถึงห้องรับแขกขนาดใหญ่
จนตอนนี้โจลีนน์ยังคงสงสัยว่า 'แวนเดอร์วัล' จะยินดีต้อนรับหล่อนที่เป็นลูกนอกสมรสของบิดาจริงหรือ
Jolene V. Guzman
|
|
|
Post by Jolene G. on Apr 26, 2019 14:09:31 GMT 7
- สำรวจ 01 -
ผนังห้องสีครีมดูสะอาดตา บานหน้าต่างสี่เหลี่ยมผืนผ้าสูงจรดเพดาน มันกว้างพอให้คนสองคนสามารถยืนมองไปด้านนอกพร้อมกันได้ ม่านกั้นแสงถูกรวบผูกไว้ทั้งสองข้างอย่างเรียบร้อย แดดส่องลอดผ่านบานกระจกเข้ามา สาดสะท้อนลงบนเครื่องเรือนสีอ่อนขลับให้ทั้งห้องดูสว่างจ้าเสียจนโจลีนน์ต้องหยีตาลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดวงตาหล่อนแพ้แสง แต่โชคดีที่มันไม่ได้รุนแรงมากนักจึงใช้ชีวิตได้อย่างปกติ
นัยน์ตาเขียวอมเทากวาดมองรอบห้องราวกับกำลังจดจำรายละเอียด มีบางอย่างดึงดูดให้สายตาหล่อนให้หยุดมองที่เตาผิง [สำรวจเตาผิง]
Jolene V. Guzman
|
|
|
Post by Admin on Apr 26, 2019 14:19:58 GMT 7
- สำรวจ 01 -
ผนังห้องสีครีมดูสะอาดตา บานหน้าต่างสี่เหลี่ยมผืนผ้าสูงจรดเพดาน มันกว้างพอให้คนสองคนสามารถยืนมองไปด้านนอกพร้อมกันได้ ม่านกั้นแสงถูกรวบผูกไว้ทั้งสองข้างอย่างเรียบร้อย แดดส่องลอดผ่านบานกระจกเข้ามา สาดสะท้อนลงบนเครื่องเรือนสีอ่อนขลับให้ทั้งห้องดูสว่างจ้าเสียจนโจลีนน์ต้องหยีตาลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดวงตาหล่อนแพ้แสง แต่โชคดีที่มันไม่ได้รุนแรงมากนักจึงใช้ชีวิตได้อย่างปกติ
นัยน์ตาเขียวอมเทากวาดมองรอบห้องราวกับกำลังจดจำรายละเอียด มีบางอย่างดึงดูดให้สายตาหล่อนให้หยุดมองที่เตาผิง [สำรวจเตาผิง]
Jolene V. Guzman
เตาผิงกรอบหินอ่อนสีดำขลับไร้การปะทุของเปลวไฟ เนื่องจากอากาศอบอุ่นยามบ่ายให้ความร้อนที่พอประมาณอยู่แล้ว
ผลการสำรวจ [ไม่พบอะไร]
|
|
|
Post by Jolene G. on Apr 26, 2019 16:38:13 GMT 7
- สำรวจ 02 -
สีหน้าที่ไม่แสดงอาการใดออกไปมากกว่าความเรียบเฉย มองสำรวจเตาผิงอยู่พักใหญ่แต่กลับไม่พบอะไรที่น่าสนใจอย่างที่คิดไว้ จึงขยับเงยใบหน้าขึ้นไปพร้อม ๆ กับเลื่อนสายตาจับจ้องกับรูปเหมือนขนาดใหญ่
'นั่นต้นตระกูลบิดาหล่อนหรือ'
คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเคยเห็นเมื่อตอนยังเล็ก โจลีนน์ส่ายหัวเบา ๆ ไล่อดีตวัยเด็กออกจากห้วงความคิดก่อนจะสนใจพิจารณากับรูปภาพเหนือเตาผิงต่อ [สำรวจรูปภาพเหนือเตาผิง]
Jolene V. Guzman
|
|
|
Post by Admin on Apr 26, 2019 17:48:48 GMT 7
- 02 -
สีหน้าที่ไม่แสดงอาการใดออกไปมากกว่าความเรียบเฉย มองสำรวจเตาผิงอยู่พักใหญ่แต่กลับไม่พบอะไรที่น่าสนใจอย่างที่คิดไว้ จึงขยับเงยใบหน้าขึ้นไปพร้อม ๆ กับเลื่อนสายตาจับจ้องกับรูปเหมือนขนาดใหญ่
'นั่นต้นตระกูลบิดาหล่อนหรือ'
คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเคยเห็นเมื่อตอนยังเล็ก โจลีนน์ส่ายหัวเบา ๆ ไล่อดีตวัยเด็กออกจากห้วงความคิดก่อนจะสนใจพิจารณากับรูปภาพเหนือเตาผิงต่อ [สำรวจรูปภาพเหนือเตาผิง]
Jolene V. Guzman
รูปภาพเหนือเตาผิงเขียนข้อความไว้ข้างใต้ ’Alexander V. Vanderwal 1823 - 1896’
[ไม่พบอะไร] * คำแนะนำ * ลองมองหาสิ่งผิดปรกติ/สิ่งที่ไม่ควรมีอยู่
|
|
|
Post by Jolene G. on Apr 27, 2019 15:25:27 GMT 7
- สำรวจ 03 -
โจลีนน์มุ่นคิ้วลงเล็กน้อยเมื่อไม่เห็นความปกติใดใด แต่มีอะไรสักอย่างติดใจหล่อนอยู่ นัยน์ตาสีเขียวอมเทาดั่งใบเสจยังคงไล่จ้องรูปภาพของผู้นำตระกูลแวนเดอร์วัลไม่ละไป สายตาเลื่อนลงมองป้ายระบุชื่อ 'Alexander V. Vanderwal' หล่อนสงสัยเหลือเกินว่า วี. นั้นย่อมาจากอะไรกัน แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่หล่อนสงสัยเช่นกัน สายตาจึงเลื่อนขึ้นไปยังมุมล่างของภาพอีกครั้ง ถ้าหล่อนไม่ได้คิดมากไปเอง เหมือนจะเห็นสัญลักษณ์สามเหลี่ยมสีแดงอยู่ตรงนั้น
'มันคืออะไรกันนะ'
[สำรวจรูปภาพเหนือเตาผิง] อีกครั้ง
Jolene V. Guzman
|
|
|
Post by Admin on Apr 27, 2019 16:42:21 GMT 7
- สำรวจ 03 -
โจลีนน์มุ่นคิ้วลงเล็กน้อยเมื่อไม่เห็นความปกติใดใด แต่มีอะไรสักอย่างติดใจหล่อนอยู่ นัยน์ตาสีเขียวอมเทาดั่งใบเสจยังคงไล่จ้องรูปภาพของผู้นำตระกูลแวนเดอร์วัลไม่ละไป สายตาเลื่อนลงมองป้ายระบุชื่อ 'Alexander V. Vanderwal' หล่อนสงสัยเหลือเกินว่า วี. นั้นย่อมาจากอะไรกัน แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่หล่อนสงสัยเช่นกัน สายตาจึงเลื่อนขึ้นไปยังมุมล่างของภาพอีกครั้ง ถ้าหล่อนไม่ได้คิดมากไปเอง เหมือนจะเห็นสัญลักษณ์สามเหลี่ยมสีแดงอยู่ตรงนั้น
'มันคืออะไรกันนะ'
[สำรวจรูปภาพเหนือเตาผิง] อีกครั้ง
Jolene V. Guzman
รูปภาพเหนือเตาผิงเขียนข้อความไว้ข้างใต้ ’Alexander V. Vanderwal 1823 - 1896’
[ไม่พบอะไร]
หากต้องการสำรวจต่อให้โรลเพลย์ใช้คำสั่งต่อได้ทันที
|
|